CoolSculpting® คือการสลายไขมันด้วยความเย็น เพราะไขมันส่วนเกินมักเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายคนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็จะมีไขมันส่วนเกินบางจุดที่ลดไม่ลงซักที ซึ่งวิธีการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting® เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา (FDA) เพื่อใช้ในการสลายไขมัน เป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น โดยสามารถลดไขมันได้ถึง 20-25% ต่อการรักษาหนึ่งครั้ง
Coolsculpting® สลายไขมันได้อย่างไร
เครื่อง Coolsculpting® มีหัวดูดที่ใช้ดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง จากนั้นหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด โดยจะเห็นผลหลังจากทำการรักษาประมาณ 1-2 เดือน
CoolSculpting® เหมาะกับใคร
Coolsculpting® เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสลายไขมันในผู้ที่มีดัชนีมวลกายไม่เกิน 35 (BMI<35) เพื่อแก้ไขสัดส่วนโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดดูดไขมัน เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากเสี่ยงกับผลข้างเคียงในระยะยาวจากการดูดไขมัน และไม่อยากพักฟื้นนาน แต่การสลายไขมันด้วยความเย็น มีข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีดัชนีมวลกายเกิน (BMI>35) หรือผู้ที่มีประวัติมีโรคที่ถูกกระตุ้นด้วยความเย็น
CoolSculpting® ทำส่วนไหนได้บ้าง?
- หน้าท้อง
- ต้นแขน
- ต้นขา
- เอว
- สะโพก
โดยแต่ละส่วนจะใช้หัวเครื่องที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม
ผลลัพธ์จากการทำ CoolSculpting® อยู่ได้นานแค่ไหน
ผู้ที่ทำการสลายไขมันด้วยความเย็นจะเริ่มสังเกตเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังการรักษา และผลลัพธ์จะยิ่งดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนที่ 2 เพราะร่างกายจะขจัดเซลล์ไขมันออกไปเรื่อย ๆ จนเข้าเดือนที่ 4 อย่างไรก็ตาม เพื่อให้คงผลลัพธ์ของการสลายไขมันได้อย่างยาวนานและถาวร ควรทำควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
