ผื่นแอกทินิก เคอราโทซิส หรือ Solar Keratoses มีลักษณะ เป็นผื่นบนผิวหนังที่หยาบ แห้ง เป็นสะเก็ด ซึ่งเกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณนั้นสัมผัสแสงแดดเป็นประจำและสะสมเป็นระยะเวลานาน
อาการของโรคแอกทินิก เคอราโทซิสไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่มีความเป็นไปได้ว่าผื่นแอกทินิก เคอราโทซิสจะกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลายจากรังสีอัลตราไวโอเลต
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดผื่นแอกทินิก เคอราโทซิส
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UV)
- เป็นผู้ที่มีประวัติการโดนแดดสะสมหรือผิวไหม้แดด (Sunburn)
- เป็นผู้ที่มีสีผิวอ่อน
- เป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในที่ที่มีแดดจัด
- เป็นผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
อาการของโรคแอกทินิก เคอราโทซิส
- มีผื่นบนผิวหนังที่มีลักษณะหยาบ แห้ง เป็นสะเก็ด มักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 1 นิ้ว (ประมาณ 2.5 เซนติเมตร)
- มีผื่นบนผิวหนังที่มีลักษณะแบนราบหรือนูนขึ้นเล็กน้อยหรืออาจเป็นตุ่มเล็ก ๆ บนผิว
- ผื่นแอกทินิก เคอราโทซิสในผู้ป่วยบางคนอาจมีลักษณะเป็นตุ่มแข็งคล้ายหูด
- รอยบนผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีอื่น อาจเป็นสีชมพู สีแดงหรือสีน้ำตาล
- บริเวณที่เป็นผื่นแอกทินิก เคอราโทซิสจะมีอาการคัน แสบร้อน มีเลือดออก หรือมีสะเก็ดร่วมด้วย
เกิดผื่นหรือตุ่มขึ้นบริเวณที่ผิวหนังโดนแสงบ่อย ๆ เช่น ศีรษะ คอ มือ และต้นแขน
วิธีรักษาโรคแอกทินิก เคอราโทซิส
วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับขนาด บริเวณที่เป็น และลักษณะการกระจายของผื่นตามร่างกาย
- ใช้ยาทาเฉพาะที่ ซึ่งอยู่ในรูปของครีมหรือเจลที่สามารถใช้ทาบนผิวหนังบริเวณที่มีอาการ
- รักษาด้วยการจี้เย็น (Cryotherapy) เป็นการแช่แข็งเพื่อทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ทำให้ผื่นแอกทินิก เคอราโทซิสตกสะเก็ดและค่อย ๆ หลุดออกภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังเข้ารับการรักษา
- การผ่าตัดเพื่อเอาผื่นออก โดยแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนการผ่าตัด
- การฉายแสงโฟโตไดนามิก (Photodynamic Therapy: PDT) เป็นการใช้สารละลายทาผื่นเพื่อทำให้ผื่นไวต่อแสง จากนั้นจึงฉายแสงเพื่อทำลายเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ
ผื่นแอกทินิก เคอราโทซิส เป็นโรคผิวหนังที่สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาหากผู้ป่วยอายุยังน้อย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักต้องเข้ารับการรักษาเพราะผื่นอาจขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้
วิธีป้องกันการเกิดแอกทินิก เคอราโทซิส
- อยู่ในที่ร่ม หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดหรือการอยู่กลางแจ้ง
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด SPF 30 ขึ้นไป ที่สามารถป้องกันทั้งรังสี UVA และรังสี UVB
- ไม่ควรใช้เตียงอาบแดด (Tanning Bed)
- สังเกตความผิดปกติตามผิวหนัง และไปพบแพทย์หากเกิดความเปลี่ยนแปลงบนผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดด เช่น มีผื่นหรือมีตุ่มใหม่เกิดขึ้น
บริการตรวจมะเร็งผิวหนัง
สามารถทำการจองเพื่อตรวจมะเร็งผิวหนังโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่คลินิกผิวหนังกะทู้